เลิกแอบเสียที วิทยา แสงอรุณ 3-4 พ.ย. 2007 เซคชั่น Metro Life นสพ. ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันเสาร์
“เอก” ไปทานข้าวกับแฟนเก่าที่ยังคบหาเป็นเพื่อนกันอยู่ ส่วน “วิชัย” ไปกับเพื่อน และแล้ว…สายตาที่ส่งให้กันข้ามโต๊ะอาหารก็พาทั้งสองมาเจอกันตรง “หน้าสลัดบาร์” เป็นการพบกันตัวต่อตัวโดยมีผัก ผลไม้ และเดรสซิ่งน้ำจิ้มสลัดเป็นพยานรู้เห็นตอนที่ทั้งสองแลกเบอร์กัน
คุณผู้อ่านครับ หลายๆ คนชอบถามผมว่า พี่ๆ ผมจะไปหาแฟนได้ที่ไหน ถ้าไม่ใช่ในเน็ต หรือตามสถานบันเทิง มันช่างยากจริงๆ แต่บางคนก็หาได้ง่ายจริงๆ อย่างเอกกับวิชัย เรื่องมันจะยากตรงคบกันไปนี่แหละ แต่ถ้าเป็น one-night stand ก็อย่าคิดมาก
สำหรับเอกกับวิชัยก็เช่นกัน เรื่องที่ยากของทั้งสองก็คือ ตอนนั้นวิชัยมีแฟนอยู่แล้ว
เอกบอกว่า เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่หัวใจเรียกร้องให้อยากลองคบกับวิชัยดู และในที่สุดแฟนของวิชัยก็รับรู้ความจริง และเลิกรากันไป เอกตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่ที่คอนโดของวิชัย และเริ่มต้นกันใหม่
“ผมยังคงนึกๆ อยู่เลยนะว่า สิ่งที่ผมทำจะย้อนกลับมาหาผม” เอกเล่าใฟ้ฟัง แต่ตอนนั้น เขามั่นใจแล้วว่า วิชัยคือคนที่ใช่ เขาอยากจะทุ่มเททั้งหัวใจ
ไม่เพียงแต่ร่วมชีวิตกัน ทั้งสองคนยังลงมือทำธุรกิจร่วมกันอีกด้วย ช่วงปีแรกต่างคนก็ต่างมีงานประจำ แต่ด้วยความโหยหาอิสรภาพจากการงาน เขาทนเหนื่อยและเก็บหอมรอมริบ ช่วยกันทำงานจนธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ของเขาเจริญก้าวหน้า เปิดสาขามากมาย
“ตอนนั้นเราช่วยกันดีคับ ส่งงาน คิดงาน เครียดๆ ก็เหมือนกันเพราะช่วยกันทำตลอด เราเข้ากันได้ดี เหมือนหยินกับหยาง ผมเองเป็นคนใจร้อน ส่วนเขาใจเย็น เราอยู่ด้วยกันดี กิจการก็ดีครับ จากมีรถคันเดียว เราก็มีรถใช้คนละคัน” เอกเล่า
ที่น่าปลื้มก็คือ ครอบครัวของทั้งสองคนรับรู้ความสัมพันธ์ของเขา และดูเหมือนทุกอย่างน่าจะราบรื่นลงตัว
“คนเราก็ต้องการความมั่นคงในชีวิต แต่คนราบางคน พอมีอะไรมากขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้สึกมีความต้องการตามมามากขึ้น”
วิชัยเริ่มเปลี่ยนไป เอกพยายามสกัดกั้น “สิ่งยั่วยุ” ทุกอย่าง ไม่ว่า อินเทอร์เน็ต เว็บ ห้องแชททั้งหลาย เพื่อให้แน่ใจว่า วิชัยจะไม่พยายาม “แสวงหา” เกินขอบเขต แต่แล้ว เขาก็สกัดกั้นมือที่สามที่เข้ามาในชีวิตของทั้งคู่ไม่ได้
“ผมเป็นคนเข้านอนเร็วน่ะครับ ส่วนเขาก็จะนั่งใช้คอมพ์ไปตอนดึกๆ”
เขาจับโกหกวิชัยได้ในที่สุด และเสียใจมาก ในที่สุดวิชัยก็เริ่มขยายความต้องการของเขา เขาออกไปพบกับคนอื่นๆ ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในวัยรุ่น เด็กมหาวิยาลัยดูเหมือนจะเป็นของโปรดของวิชัย และการเที่ยวกลางคืนก็มีบ่อยขึ้น เอกเองพยายามประคับประคองชีวิตคู่และธุรกิจร่วมกันเอาไว้ เขายังคงคิดว่า สักวันหนึ่งวิชัยจะคิดได้ แต่ระหว่างนี้ เอกได้แต่โอนอ่อนผ่อนตามไปเรื่อยๆ แต่ก็รู้ว่าทั้งสองเริ่มห่างเหินกัน
“ผมเลยยอมให้เขาก็ได้ แต่เราตกลงกันว่า อย่าพาเอาใครเข้ามาบ้าน”
เพื่อนๆ บางคนของเอกสงสัยว่า เอกปล่อยให้เรื่องเลยเถิด และเป็นฝ่ายยอมต่างๆ นานาได้ยังไง หรือว่าเอก “ติดเซ็กซ์” และไม่อยากเลิกกัน?
เอกบอกอย่างเปิดอกว่า หลังจากที่วิชัยเริ่มทำตัวเจ้าชู้และมีเล็กมีน้อยไปเรื่อย เขาเองเริ่มไม่ไว้ใจ กลัวว่า วิชัยจะนำโรคภัยมาให้ จากที่เคยมีเพศสัมพันธ์กันด้วยความไว้วางใจและไม่เคยใช้เครื่องป้องกัน เอกบอกว่า เขารู้สึกถดถอยทางอารมณ์ไปเลย
“ผมกลัวนะครับ พอคนเราเริ่มไม่ไว้ใจกันแล้ว”
เอกยังคงรอ รอคอยวิชัยอยู่เสมอมา หวังว่าวันหนึ่งวิชัยคงคิดขึ้นได้ และเลิกทำตัวอย่างที่เป็น เห็นความสำคัญและคุณค่าของการได้อยู่ร่วมกันมาถึงห้าปี
แต่ก็คงเหมือนคู่รักหลายๆ คู่ที่กำลังประสบปัญหาอยู่น่ะครับ เราจะสังเกตเห็นว่า จะมีอยู่คนหนึ่งที่จะมีความหวังอยู่เสมอว่า คนของเราจะกลับมาแล้วเป็นคนเดิม สำหรับวิชัยแล้ว ดูเหมือนเขายังไม่ไปถึงจุดๆนั้นเสียที จุดที่ตัวเองคิดว่า พอแล้ว ฉันทำมาพอแล้ว สิ่งต่างๆ ที่วิชัยทำ ทำให้เอกเสียใจอยู่ทุกๆ วัน เรื่องร้องไห้คร่ำครวญกับเพื่อนสนิท เป็นเรื่องปกติที่เอกทำอยู่บ่อยๆ
และแล้วความกลัวอย่างหนึ่งของเอกก็เกิดขึ้น วันหนึ่ง เขาต้องงัวเงียลุกขึ้นมาเปิดประตูบ้านให้วิชัยตอนตีห้า และพบว่า วิชัยพาหนุ่มคนหนึ่งกลับมาบ้านด้วย วิชัยแนะนำเอกให้เด็กหนุ่มรู้จักว่า “พี่เอกเป็นเพื่อน” และบอกเอกหน้าตาเฉยว่า น้องคนที่เห็นนี่ “เป็นแฟน”
ในจังหวะที่วิชัยไม่ได้อยู่ตรงนั้น เด็กหนุ่มวัย 21 ถามเอกย้ำอีกครั้งว่า “พี่เป็นอะไรกัน”
“ผมก็บอกเขาตรงๆ นะว่า ผมน่ะเป็นแฟน”
ในวินาทีนั้นเอง เอกเล่า แสงสว่างบางอย่างก็เกิดขึ้นในห้วงคิดของเขา
“พอผมได้พูดคุยกับเขา ได้ถามน้องคนนั้น ผมเองกลับเป็นฝ่ายคิดได้ ผมคิดได้ว่า ความจริง ตัวผมเอง มีค่ามากกว่าเด็กคนนั้นหลายเท่านัก เด็กที่ยังเรียนไม่จบ เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เด็กที่ยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย เรามีงานมีการทำ เรามีความรู้ ใช่สิ แต่เราโง่มาเองตลอด เราจะเอาตัวเราไปเปรียบกับคนที่ไม่มีอะไรเลยได้ยังไง”
เอกยังบอกด้วยว่า เขาพยายามตั้งสติ ไม่เกรี้ยวกราด และค่อยๆ เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ เขาพยายามสวดมนต์อยู่ทุกวัน แผ่ส่วนกุศลให้กับวิชัย
“หลังจากเรื่องนั้น เขาโทรมาขอโทษผม เราก็แยกกัน จัดการเรื่องธุรกิจที่ทำด้วยกัน ผมเป็นคนเดินจากมา แต่เขาก็ยังโทรมาอีก พูดดีด้วย แต่ผมก็รู้ว่า เขาคงมีเรื่องอะไรเดือดร้อนให้ช่วย สำหรับผม เราจบกันไปแล้ว ผมจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ ไม่จะไม่ช่วยเขาเต็มร้อย ผมตื่นขึ้นแล้วล่ะครับ”
แชะ! แชะ! คุณ “ไมค์ โซเพอร์” แห่งอังกฤษเพิ่งจะมีผลงานนิยายฉบับแรกได้รับการตีพิมพ์ ตอนแรกๆที่เขาเขียน ก็ปกปิดเพื่อนๆ ที่พักอยู่บ้านพักคนชราด้วยกัน แต่พอเพื่อนๆ เริ่มรู้ โดยเฉพาะเพื่อนๆ ผู้หญิงที่เริ่มเซ้าซี้อยากอ่าน เขาเลยตัดสินใจ “เลิกแอบ” ล่ะครับ คุณไมค์อายุ 93 ปี และต่อมาเขาตัดสินใจเลิกแอบกับบรรดาหลานๆ ของเขา ซึ่งทุกๆ คนก็มอบความรักและปรารถนาดีให้เขา แชะ! แชะ!
-end-