Articles

เรื่องเซอร์ไพรซ์ (28-29 ก.ค. 07)
เลิกแอบเสียที วิทยา แสงอรุณ 28-29 ก.ค. 2007
เซคชั่น MetroLife จาก นสพ. ผู้จัดการรายวัน วันเสาร์

นานๆ ทีจะมีอะไร “เซอร์ไพรซ์” ถึงสองเรื่องสองรส ถึงแม้จะต่างกรรมต่างวาระ และมาจากต้นตอคนละแหล่ง แต่ทั้งสองเหตุการณ์ก็สร้างปรากฏการณ์ “เซอร์ไพรซ์หมู่” ได้พอๆ กันเลยทีเดียว

เซอร์ไพรซ์แรก เป็นหนังต่างประเทศเรื่องหนึ่งที่เพิ่งเข้าฉาย (เริ่ม 26 ก.ค. ที่ลิโด้) จากเอกสารประชาสัมพันธ์ “The Best of Times” เป็น “หนังเกย์” เรื่องเยี่ยมจากไต้หวัน และเป็นหนังที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี

ก่อนหน้าจะเข้าฉายจริง ในตอนค่ำๆ ของวันที่ 18 ก.ค. มีรอบพิเศษเปิดให้สมาชิกและเพื่อนพ้องชาวสีรุ้งขององค์กรบางกอกเรนโบว์ได้ชมฟรีกัน กิจกรรมนัดพบดูหนังฟรีนี้จัดกันเป็นประจำ ยามที่มีหนังเกย์ หรือหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกย์เข้ามาฉาย ค่ายหนังจะใช้กิจกรรมนี้ประชาสัมพันธ์ต่อๆ กันไป

วันนั้นผมติดงานตอนเย็น เลยอดร่วมประสบการณ์เกย์พร้อมใจไปดูหนังพร้อมกัน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่อบอุ่นและน่าประทับใจทุกๆ ครั้ง เพราะจะได้เจอพี่น้อง เพื่อนฝูงยิ้มแย้มให้กัน ทักทายกัน

จากปากคำของเพื่อนสนิทสองคน คนแรกเล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นว่า “วันนั้นดูกันแน่นโรงมาก หลังจากดูจบ ทุกคนก็ออกมาพร้อมใบหน้าสับสน งงงวย และมีถามเหมือนๆ กันว่า มันเกย์ตรงไหน?”

อีกคนก็บอกมาด้วยอาการหงุดหงิดเล็กๆ ว่า “พี่พาเพื่อนต่างชาติไปดูด้วยแหละ พอออกมา ฮีก็ถามว่า Did I miss anything? (ผมพลาดไปหรือเปล่า?) เรางี้…หน้าแหกยับเยินเลยเพราะไปบอกเค้าไว้ว่า เป็นหนังเกย์ ให้มาดูกัน”

เขาเล่าต่ออีกว่า กระทั่งฉากจับมือ หรือฉากสบตากันก็ไม่มีให้เห็น แล้วตกลงหนังเรื่องนี้ เป็นหนังอะไรกันแน่?

เรื่อง The Best of Times มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนรักสองคนที่เติบโตมาด้วยกันในย่านชานเมืองของกรุงไทเป วัยรุ่นทั้งสองคนเข้าไปพัวพันกับแก๊งค์อันธพาล หลงระเริงในอำนาจและอาวุธปืน ในที่สุดก็ไปยิงหัวหน้าแก๊งค์คู่อริตาย จนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน

ตามเอกสารข่าวของค่ายหนังที่บอกว่า เป็นภาพยนตร์ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมแห่งปี ตอนแรกก็สุดแสนจะดีใจนะครับที่หนังเกย์เรื่องหนึ่ง ได้กลายมาเป็นหนังยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศได้ แต่ในเอกสารก็ไม่ได้ระบุว่าปีไหน เลยนึกไปเองว่า คงเป็นปีที่แล้วหรือไม่ก็ปีนี้ละมั้ง

ก็เพิ่งมารู้ทีหลังนี่แหละครับว่า เป็นปี 2002 และตามบันทึกที่ไม่ได้มาจากค่ายหนัง หนังเรื่องนี้จัดอยู่ในประเภท crime/drama/thriller ไม่ได้มีคำว่า gay ซักคำ

ถึงแม้จะไม่เกย์ หรือไม่ได้เกี่ยวกับเกย์ แต่เพื่อนผู้รักการดูหนังทั้งหลายที่ผ่านประสบการณ์เซอร์ไพรซ์หมู่ในวันนั้นก็บอกต่อๆ กันมาด้วยว่า เป็นหนังที่มีเทคนิคการเล่าเรื่องที่ดี ถ่ายภาพได้ยอดเยี่ยม และนักแสดงมีฝีมือสมบทบาท

เซอร์ไพรซ์ที่สองเกิดขึ้นกับตัวผมเอง พร้อมเพื่อนฝูง ต่างกรรมต่างวาระ แต่แทบทุกๆ คนเห็นพ้องต้องกันว่า หนังเรื่อง “ตั๊ดสู้ฟุด” เป็นหนังที่ไม่ได้ว่าร้าย หรือทำร้ายกะเทยอย่างที่เป็นข่าว

ก่อนหน้านี้หนังเรื่องนี้ของค่ายจีทีเอช และหนังอีกเรื่องจากค่ายสหมงคลฯ (คู่แรด) โดนประท้วงจากกลุ่มเกย์ว่า อาจสร้างความเข้าใจผิด และทำให้คนดูประณามหยามเหยียดเกย์และกะเทย หนังเรื่อง ตั๊ดสู้ฟุด โปรโมทหนังด้วยฉากกะเทยรุ่นใหญ่สอนกะเทยรุ่นเล็กให้พูดจาหยาบคาย เรียกว่า ด่ากันเป็นชุด
ฟังแล้ว ผู้ใหญ่ไม่ปลื้ม

ผู้กำกับคือคุณจตุรงค์ พลบูรณ์ ให้ข่าวแก้สถานการณ์ในเวลาต่อมาว่า ฉากที่เป็นตัวอย่างหนังนั้น เป็นเพียงฉากเดียวที่มีเนื้อหาทำนองนั้น และมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความน่าสนใจ และอยากให้ผู้ไม่เห็นด้วยไปดูหนังกันก่อนแล้วค่อยวิจารณ์

โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ชอบคำว่า ตุ๊ด แต่คำนี้ดูเหมือนจะเป็นคำที่ยอมรับกันโดยทั่วไปเมื่อเวลาผ่านไป สาวประเภทสองหลายๆ คนก็ไม่ว่าอะไรถ้าใครจะเรียกพวกหล่อนว่าตุ๊ด ผมคิดว่าจะไม่ไปดู แต่ถ้าไม่ดูก็จะไม่รู้ว่า หนังเรื่องนี้นำเสนออะไรกันแน่?

ต้องบอกว่า เป็นหนังไทยเกี่ยวกับกะเทยที่สร้างความเซอร์ไพรซ์อย่างใหญ่หลวงทีเดียวล่ะครับ เนื้อหาโดยรวมแล้ว ไม่ได้สร้างความน่าสมเพช ไม่ได้เหยียดกะเทย หรือทำกะเทยเป็นตัวตลกผิดมนุษย์จนน่ารังเกียจ แต่เรื่องนี้ กะเทยเป็นฮีโร่ที่ผดุงความยุติธรรมและนำความรักมาให้

คุณบอย (สิทธิชัย ผาบชมภู) รับบทกะเทยได้น่ารักน่าหยิกทีเดียว ในเรื่องนี้ เขารับบทเป็นน้องชายฝาแฝดที่เป็นกะเทย มีพี่ชายเป็นแฝดฝาเดียวกันแต่ไม่ได้เป็นกะเทย ซึ่งถือเป็นกรณีที่แปลก เพราะส่วนใหญ่แล้ว แฝดเหมือนจะเหมือนกัน หากคนหนึ่งเป็นเกย์หรือกะเทย อีกคนก็เช่นกัน

ผมคิดว่า หนังเรื่องนี้ได้ช่วยสร้างภาพ “บวก” ให้กับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ผิดกับหนังแนวเดียวๆ กันหลายๆ เรื่องก่อนหน้านี้โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมานี้ ถึงแม้แนวทางนำเสนอมุขตลกในเรื่องจะไม่จี้เส้นผมให้ขำเหมือนคนอื่นๆ ในโรง ผมก็เดินออกจากโรงพร้อมรอยยิ้ม

เพื่อนผมสองคนโทรศัพท์มาเล่าความประทับใจเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ให้ฟังพร้อมออกอาการเซอร์ไพรซ์ ทั้งสองบอกว่า มีอะไรที่เหนือความคาดหมายในหนังเรื่องนี้ ผมไม่ได้บอกเขาหรอกครับว่า ผมไปดูมาก่อนหน้าเขาแล้ว และเซอร์ไพรซ์ไปแล้วเรียบร้อย

-end-

ใส่ความเห็น