แก่ๆ แล้ว ใครจะดูแล?

วิทยา แสงอรุณ เลิกแอบเสียที Hiding No More, Metro Life หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันเสาร์ vitayamail@gmail.com 27-28 กันยายน 2008

หลานมั้ง?
รับเด็กมาเลี้ยงสิ!
เก็บตังค์ไว้ เข้าบ้านพักคนชรา
อ้าว ถ้างั้น แล้วเวลาเหงาๆ ใครจะมาเยี่ยม?
หลานคงแต่งงานมีลูก วุ่นอยู่กับการทำมาหากิน
เด็กที่รับมาเลี้ยง ก็คงมีหนทางชีวิตคล้ายๆ กับหลาน
โว้ย…อย่ามัวคิดมาก รีบๆ ทำงานหาเงิน เก็บไว้ใช้ตอนแก่
ก็ถ้าหากเอ็งเจ็บป่วยไป เดี๋ยวพวกเพื่อนๆ มันก็เยี่ยมเองแหละ
อ้าว แล้วถ้าเพื่อนก็ชราเหมือนกัน เจ็บป่วยเหมือนเราล่ะ ใครจะมา?

ใครมีคำตอบมั่งมั๊ยเนี่ย?

ตอนแรกว่าจะตั้งชื่อตอนว่า เกย์…แก่แล้วไปไหน? แต่ฟังหดหู่เหมือนวิญญาณเร่รอน ยังไงก็ไม่รู้ สำหรับผม เคยคิดเสมอว่า ถ้าเกิดเจ็บป่วย ก็ขอไม่ต้องทรมานมาก ตายไปเร็วๆ เลย ผมก็ว่า…โอแล้วนะ ชีวิตนี้

และถ้าชาติหน้า เกิดมาเป็นเกย์อีก…ก็ไม่ว่าไร

แต่เดี๋ยว เอาปัจจุบันก่อน ในชาตินี้ ถ้าแก่ๆ แล้ว ใครจะดูแล?

คนมีแฟนก็คงหวังลึกๆ แฟนคงจะดูแลเรา และเราก็จะดูแลกัน แต่ถ้าเกิดแฟนเจ็บป่วย แล้วต้องจากไป ก็ค่อยไปหาแฟนใหม่มาดูแลเรา งั้นเหรอ?

แล้วจะหาใครมาดูแล และอยู่ด้วยทันมั๊ยล่ะ กว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ดีๆ ขึ้นมาอีกรอบ? อีกคำถาม ฟังดูเจ็บปวด แต่มันก็เป็นความจริง…ก็แก่ขนาดนั้น ใครจะมาเอา?

เอ…หรือจะขอตายตามไปเลย ให้จบๆ?

คงไม่ใช่ทางออกที่น่าเป็นไปได้แน่ๆ

หนึ่งกับสอง (ตั้งชื่อง่ายๆ อย่างงี้แหละ) อยู่ด้วยกันมานานหลายปี ทั้งสองอายุห่างกัน 8 ปี พอพวกเขาเริ่มอายุมากขึ้นเรื่อยๆ สองคนเรียนรู้ และอดทนกันและกันมาตลอด ผ่านพ้นอุปสรรคนานัปการ แล้วก็ได้ตัดสินใจและสัญญาว่า จะไม่ทิ้งกันไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

หนึ่งเคยมีนอกลู่นอกทางอยู่บ้าง แต่สองก็ไม่ว่าอะไร เพราะรักเขาคนนี้สุดหัวใจ ความดีของสองทำให้หนึ่งรู้ดีว่า ใครคือคนสำคัญที่สุดในชีวิตเขา (นี่ไม่ใช่เรื่องสมมุติ แต่เป็นเรื่องจริง)

อย่างนี้เรียกว่า เป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะมั่นคง

ต่อไปนี้เป็นเรื่องสมมุติ

วันหนึ่ง หนึ่งป่วยหนัก ปางตาย สองก็เฝ้าดูแลพยาบาล ไปเฝ้าไข้อยู่ตลอด เป็นธุระให้ทุกสิ่งทุกอย่าง หนึ่งเริ่มสังเกตเห็นผมสีขาวๆ บนศีรษะของคนรัก เขาเพิ่งเริ่มสังเกตจริงๆ จังๆ ว่า สองก็เริ่มอายุมากขึ้น ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตหรอก เพราะเห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน เลยไม่รู้ว่า มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

ทั้งสองคนไม่คิดจะอุปการะหลาน ลูกของพี่ชาย ส่วนเรื่องรับเด็กมาเลี้ยง แทบจะไม่ต้องพูดถึง และก็ไม่คิดจะเลี้่ยงหมาเป็นลูก

หนึ่งหายดีขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ตาย แต่ประสบการณ์เฉียดตายทำให้หนึ่งคิดว่า ถ้าเขาจากไป ใครจะดูแลสอง?

คุณแม่ คุณพ่อของเหล่าเกย์ทั้งหลายคงคิดอย่างนี้กับลูกชายเกย์ ยิ่งถ้ารู้ว่า ลูกชายยังไม่มีแฟน แล้วจะไป “ฝากผีฝากไข้” กับใคร?

ผมเริ่มคิด แล้วถ้าคำตอบคือ เริ่มหาอีกคน ซะตอนนี้เลยล่ะ ตอนยังไม่แก่ มีแรง และมีสติดีอยู่?

Three Boyfriends ไม่ใช่เรื่องที่เคยเขียนไปแล้วนะครับ แต่เป็นคอนเซ็ปท์ประหลาดๆ ที่อยากจะแชร์กัน ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ เอาไว้คิดเล่นๆ ดูละกัน ส่วนคนยังไม่มีแฟน อย่าเพิ่งงอนไป เอ้า…ฟังก่อน ก็พอมีแฟนแล้ว ค่อยกลับมาอ่านอีกทีก็ได้ไง

หลังจากหนึ่งฟื้นคืนสภาพ มาแข็งแรงเหมือนเดิม หนึ่งกับสอง ก็เริ่มมองหาว่า ใครควรจะเป็น “สาม” ดี เพราะหากหนึ่งตายจากไปจริงๆ สองก็ยังมีสามอยู่ โดยที่หนึ่งก็สบายใจ เพราะรับรู้ก่อนตายว่า คนรักของเขาจะมีคนมาดูแล (อย่าลืมทำพินัยกรรม ไม่งั้น ญาติของหนึ่งโผล่มาแน่)

สองกับสามก็ดำเนินชีวิตต่อไป โดยเมื่อถึงเวลาแล้ว สองก็จะกลายเป็นหนึ่ง และสามก็จะกลายเป็นสอง ตอนนี้ เราอยู่ด้วยกันสองคน และเมื่อพร้อม สองคน ควรช่วยกัน มองหาสามต่อไป

ฟังดูประหลาดแท้ Three Boyfriends คุณๆ อาจเถียงว่า เขียนน่ะมันง่าย จะทำจริงได้
เหรอ ก็ไม่เถียงแหละครับ ผมถึงเขียนก่อนนี่ไง แต่รอคนทำให้ดูอยู่ แต่ตอนนี้ รอคุณๆ แชร์ความเห็นกันก่อน

ส่วนผมคิดว่า Three Boyfriends น่าจะเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ใหม่ของโลกยุคใหม่ คิดดูสิ ก่อนหน้านี้ ใครๆ ก็คิดว่า หญิงหย่าสามี ต้องเลี้ยงลูกอยู่คนเดียวเป็น Single Mom คงทำให้ลูกโตขึ้นมาแล้วมีปัญหา ก็มีให้เห็นในหลายๆ ประเทศ อย่าไปมองตะวันตกเลย ประเทศไทยนี่แหละ ลองดูสิครับ คุณรู้จักใครที่เป็น Single Mom มั่งมั๊ย?

มนุษย์สีรุ้งคงคิดเรื่อง แก่ชราแล้วใครจะดูแล เพราะยังไง ผมเชื่อว่า เกย์ส่วนใหญ่ก็ไม่คิดว่า พอมีแฟนอยู่กินกัน แล้วจะไปหาเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก หรือไปรับหลานมาดูแล นั่นคงเป็นทางออกหนึ่ง และหวังว่า เด็กที่โตขึ้น คงจะดูแลเราตอนแก่ชรา เรื่องนี้ตัดสินใจไม่ได้ว่า ผิดหรือถูก ถ้าคุณได้หลานกตัญญู ก็ดีไป

ก็แทนที่จะหาเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก หรือไปรับดูแลหลานลูกของน้องสาว หรือพี่ชาย ทำไม ไม่สร้างครอบครัวของตัวเอง?

ทุกอย่าง มีข้อดีและข้อเสียอยู่แหละ จะเป็นยังไง ถ้าสาม ที่เข้ามาร่วมชีวิตกับสอง เกิดไม่ถูกกับหนึ่ง? จะทำยังไง ถ้าสาม เกิดถูกชะตากับหนึ่งมากกว่ากับสอง? จะทำยังไงถ้าสามอยากมีสี่ ขึ้นมา สารพัดจะคิดแนว what if…เนี่ยละครับ แต่ผมคิดว่า ชีวิตควรมีทางเลือก

หนึ่งกับสอง ควรไปรับสมัครหาสามด้วยกัน คุณเกิดมีคำถามว่า แล้ว สามคน ต้องมีเซ็กซ์กันด้วยหรือเปล่า?

ผมว่า ถ้ามี แล้วมันจะแปลกพิสดารนักเหรอ?

เซ็กซ์กับความสัมพันธ์เป็นเรื่องซับซ้อน

ส่วนตัวผมเชื่อว่า เซ็กซ์ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด อยู่ที่ว่า เซ็กซ์นั้นมีความหมายกับคนๆ นั้นยังไงมากกว่า? เป็นแค่เครื่องมือบำบัดความใคร่ให้จบๆ ไป? (ต.ย. one-night stand ทั้งหลาย) เซ็กซ์เป็นเครื่องมือบอกรักแท้ (ต.ย. ชั้นจะไม่มีเซ็กซ์กับใครพร่ำเพรื่อ ชั้นจะมีเซ็กซ์กับคนที่ชั้นรักเท่านั้น) เซ็กซ์ทำให้เรารู้จักกันมากยิ่งขึ้น เซ็กซ์สนุก (ต.ย. เรามามีเซ็กซ์กันเถอะ มีอะไรกันแล้ว ไม่ชอบ ก็เป็นเพื่อน คุยกันได้นะ) หรือ เซ็กซ์ไม่ได้ช่วยอะไร ความเข้าใจกันต่างหาก (ต.ย. ข้ออ้างของคนที่อาจต้องพึ่งไวอากร้า)

ผมคิดว่า ความหมายของครอบครัว มันเปลี่ยนไปแล้ว ครอบครัวอาจจะแปลว่า ผู้ชายสามคนอยู่ด้วยกัน หรือผู้หญิงสามอยู่ด้วยกัน หนึ่งกับสอง เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่มีลูก ถ้าสามยังเรียนหนังสืออยู่ หรือเพิ่งเริ่มต้นทำงาน หนึ่งกับสองก็คือที่ปรึกษา และผู้สนับสนุนชั้นดี

สังคมควรอยู่ด้วยการเกื้อกูลกัน

มีเกย์หลายคน ชอบรับบท “พี่ชายใจดี” ซึ่งมักเกิดขึ้นกับคนอายุสามสิบกว่าๆ เพราะเริ่มอยู่ตัวเรื่องรายได้ และการทำมาหากิน เลยคิดแบ่งปัน รับเลี้ยง และดูแลน้องวัยทีน ที่เพิ่งเข้ามหา’ ลััย และขาดรายได้

ลึกๆ พวกเขาก็หวังว่า อาจได้เจอแจ็คพอต น้องเป็นเด็กกตัญญู ไม่ลืมบุญคุณที่คอยช่วยเหลือยามเขาเดือดร้อน ผมว่า นี่ก็เป็นรูปแบบความสัมพันธ์อีกแบบหนึ่ง คนมีมาก ก็ควรเผื่อแผ่ จริงมั๊ยครับ แต่ถ้าคิดหวังสิ่งตอบแทนเกินไป ก็คงเป็นทุกข์ใจ

Three Boyfriends อาจเป็นคอนเซ็ปต์บ้าๆ บวมๆ แต่ถ้าคุณมีแฟน คุณรักแฟนของคุณ ห่วงแฟนของคุณ แล้วคุณต้องจากไปในอีกไม่กี่วัน ความคิดหนึ่งที่แวบเข้ามา ก็คงเป็น

ฉันน่าจะช่วยใครสักคนไว้ดูแลเขา ก่อนตายนะ ฉันจะได้สบายใจ

แชะ! แชะ!
ข่าวพีอาร์กระจายว่า จ๊อบ นิธิ สมุทรโคจร บอกถูกใจได้เล่นเป็นเกย์ในละครช่องสามเร่ือง สะใภ้ลูกทุ่ง “ตอนที่ได้รับการติดต่อให้มาเล่นเป็นเกย์ ก็รับทันที เพราะได้พลิกบทไปจากเดิมๆที่เคยเล่น…เพราะไม่ยึดติดกับบทพระเอกอยู่แล้ว ซึ่งพอเล่นแล้วก็สนุก บทจะเป็นเกย์แต่แอ๊บแมน แล้วก็จะหลงรักเอส-วรฤทธิ์ ยอมทำทุกอย่าง ขนาดยอมแต่งงานกับผู้หญิง เพื่อเอาเงินจากคุณย่ามาช่วยจ่ายหนี้ให้ บทจะมีสีสันมาก สีหน้าจะออกหมดเลย” อ่านแล้วรู้สึกชื่นชมจ๊อบนะครับ แต่ดูบทที่เขียนให้เล่นแล้ว ไม่รู้คนจะเข้าใจเกย์หรือมีอคติขึ้นกันแน่ แชะ! แชะ!รอฟังผลงานของสาวประเภทสองKim Petrasอายุแค่ 16 แปลงเพศตอนอายุ 12 เพลงของสาวเยอรมันคนนี้เริ่มจากคนฟังกลุ่มเล็กๆ แล้วบริษัทเพลงก็เพิ่งเซ็นสัญญาไป จะออกอัลบั้มเร็วๆ นี้ แวะไปเชียร์เธอกันหน่อย http://www.myspace.com/kimilinlein แชะ! แชะ!
ประมาณเดือนที่แล้ว เนเธอร์แลนด์ออกนิตยสารเกย์สุดเท่ winq ตั้งเป้าเป็นนิตยสารเกย์แห่งโลก gay global culture หาซื้อได้ที่บุ๊คกาซีน รูปเด็ดมาก น่าจะมีคนทำนิตยสารเกย์แห่งเอเชียซะทีนะแชะ! แชะ!

25 thoughts on “แก่ๆ แล้ว ใครจะดูแล?

  1. อ่านยังไม่ทันจะจบก็นึกอยากให้เรื่องที่พี่วิทย์เขียนสร้างเป็นหนังขึ้นมาสักเรื่องจังครับ(หรือจะมีแล้วแต่ผมไม่เคยดู) ฟังดูคล้าย ๆ หนังเรื่อง Queer As Folks อยู่เมือนกันนะครับ แต่อาจจะต่างกันที่เวลาและสถานการณ์นิดหน่อย ผมเองถึงจะสามสิบกว่า ๆ แล้วแต่ก็ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องในบั้นปลายชีวิต อาจจะเหมือนกับหลาย ๆ คนที่ยังมีเรื่องวุ่น ๆ เยอะจนไม่มีเวลาจะคิดละมัง แต่ถ้าจะให้ตอบจริง ๆ ก็อาจจะต้องหาทางอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง อาจจะฟังดูเศร้าแต่ผมว่าถ้าเราโชคดีมีคนอยู่เคียงข้างก็ถือว่าทำบุญมาดี แต่ถ้าไม่มีก็คงต้องเรียนรู้และเตรียมพร้อมที่จะเป็นคนแก่ที่แข็งแรงทั้งกายและใจและเป็นภาระของสังคมให้น้อยที่สุดครับ ^_^

  2. อืม.. นั่นสิครับ

    แก่ๆ แล้วใครจะดูแล

    แต่สำหรับผมคงอีกนานกว่าจะแก่

    .
    .
    .

    ผมเป็นผู้ชายน้า.. (เพื่อนเข้ามาอ่าน เดี๋ยวมันจะเข้าใจผิด)

    ฮ่าๆๆ

    ^.^

  3. หวัดดีคับพี่วิทย์

    อ่านเรื่องของสัปดาห์นี้แล้วรู้สึกเศร้าๆยังไงไม่รู้สิบอกไม่ถูกเหมือนกัน

    เพราะว่าตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องอยู่จนอายุเท่าไหร่

    จะตายเร็ว หรือตายช้าก็ยังไม่แน่ใจ

    แต่ที่แน่ๆ ทำชีวิตทุกวันนี้ให้มีความสุขก็โอเคแล้วครับ

    ทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขดี ไม่มีแฟนก็มีความสุขดี (ลึกๆ ก็อยากมีเหมือนกัน)

    ผมว่านะ ไม่ว่าจะ เกย์ หรือ ชาย / หญิง ก็คงเหมือนกันนั่นแหละ

    ชาย / หญิง บางคู่ อยู่ด้วยกันก็จริง แต่งงานก็จริง แต่ไม่มีลูกก็มี

    เค้าก็คงจะคิดเหมือนกันแหละครับว่าใครจะดูแลเค้าตอนแก่

    ผมว่าแค่ทำตัวเป็นคนดี เพื่อนๆ ญาติๆ พี่ๆ น้องๆ ก็รักเราเองแหละครับ

    อย่าหวังให้ใครมาดูแลเราเลย ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว

    อนาคตข้างหน้า จะเป็นยังไง มันเป็นเรื่องของอนาคต

    …….

  4. นั่นดิ น่าคิดนะคะ เมื่อฝ่ายหนึ่งตายไป อีกคนจะทำยังไงกับชีวิต จะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปยังไง แต่ threeboyfriend เนี่ย มันก็ยังแปลกๆสำหรับเราอยู่ดี พี่วิทย์คะ เราชอบพี่จ็อบในเรื่องสะใภ้ลูกทุ่งมากนะคะ พี่แกเล่นเนียนมาก จนเราอยากตบ ละครเรื่องนี้ ฮาได้ใจจริงๆ

  5. ดีครับ พี่วิทย์ ไม่ได้แวะมาเสียนาน พอดีวันนี้ว่างเลยแวะมา
    บังเอิญว่า วันนี้เพิ่งนั่งนึกบนรถอยู่เลยว่า ถ้าต้าแก่แล้วต้าจะเป็นยังไงนะ จะพึ่งใครดี กรณีต้านี่ยังโสดไม่มีแฟนอ่ะนะครับ พอมาอ่านก็ดันไปตรงกับหัวข้อพี่พอดี

    สรุปสุดท้ายก็คิดเองแบบขำๆว่า
    จะรวบรวมเพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ ที่ยังโสดไม่มีแฟนมาอยู่ร่วมกัน ตั้งเป็นแก๊งวัยดึกไปเลย 5 5 5

  6. ผมเองก็ยังกังวลว่าแก่ไปจะมีใครมาดูแลไหมเนี่ย แฟนอะไรก็ไม่มี ถึงอายุจะยังไม่มาก แต่เห็นพี่ๆหลายคนในนี้ยังโสดอยู่ก็ร้อนๆหนาวๆแล้ว

  7. โดยส่วนตัว … ผมยึด คำสอนของศาสนาพุทธที่ว่า … ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน … ครับ จากนั้น … เราก็ตีความต่อเอง ว่าจะจัดการกับ
    สถาณการณ์ ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างไร

    การที่เรามี หรือ ไม่มี คนมาอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าในฐานะอะไร … พี่ น้องแฟน … เพื่อนสนิท … ไม่ใช่ประเด็นเลยครับ เพราะ เป็นเรื่องที่ไม่ fair ถ้าเราจะเอาตัวเราไปเป็นภาระให้ใครๆ

    สาธุ :-)

    At the end , here’s the link to movie trailer ‘The Fall’ , anyone interested can check schedule at Lido krub … Enjoy …

    http://www.thefallthemovie.com/

  8. แก่แล้ว ใครจะดูแล?
    ก็เป็นประเด็นที่น่าคิดค่ะ

    ผู้ว่า กทม คนใหม่ โปรดเลือก เบอร์ 69 “สาวอิสานรอรัก”

    “ปลอดจากขั้วทางการเมือง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ทำรายการทีวีเรื่องอาหาร ที่สำคัญ คือ สร้างบ้านพักเกย์ชรา”

    สาวอิสานรอรัก คำตอบของเกย์กรุงเทพ…

    // ได้ดูข่าวลีน่า จัง หรือเปล่าคะ เธอว่า เธอจะออกมาหาเสียงในรูปแบบที่ “หวือหวา” อีกแน่นอน… (เน้นที่คำว่า หวือหวา ค่ะ)

    (ฮา…..)

  9. แวะมาสนับสนุนผู้ว่าราชเกย์ กทม. ด้วยอีก 1 เสียงนะครับ ^_^

    ว่าแต่มีผู้สมัครคนไหนชูประเด็นเกี่ยวกับชาวเราบ้างไหมครับ?

    ผมไม่ค่อยได้ดูข่าว รบกวนผู้รู้ช่วย Update หน่อยนะครับ

    อยากรู้ก่อนเลือกนะครับ
    <>

  10. อืม .. ผมว่า แก่แล้วใครจะดูแล
    กับประเด็น Three boyfriends มันคนละเรื่องกันเลยนะครับ

    รู้สึกไม่ make sense เลยครับ ถ้าทั้งหนึ่งและสอง จะมีสามเพราะเหตุผลนี้
    และมันจะไม่ make sense มากขึ้นไปอีก
    ถ้าสาม จะยินยอมเข้ามาด้วยเหตุผลว่า – เพื่อดูแลหนึ่ง กรณีที่สองตายก่อน
    หรือ ดูแลสอง กรณีที่หนึ่งตายก่อน
    สามมันคงถามตัวเองเหมือนกัน ว่า เฮ้ย แล้วถ้าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายตายไปซะก่อนล่ะ ?

    ถึงแม้ว่าสัมพันธภาพของมนุษย์มันจะเป็นเรื่องซับซ้อน
    และอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่เรื่องสำคัญๆหลักๆ เราคงต้องแยกแยะให้ชัดเจน
    จะใช้คำเท่ๆร่วมสมัย อย่าง มีกิ๊ก หรือ Thressome
    หรือ อยากปรับสัมพันธภาพไปเป็น open relationship ก็ว่ากันไปให้ชัดเจน
    (กรณีที่ไม่เชื่อใน monogamous อ่ะนะ)

    เรื่องชั่วคราว กับเรื่องจริงจัง มันคงไม่ได้ซับซ้อนมาก ถึงขนาดที่เราคงไม่สามารถแยกแยะออก
    เพราะภายใต้สัมพันธภาพทุกอย่าง ล้วนมีรากฐานอยู่บน”ความคาดหวัง”
    แล้วเมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีคนไม่สมหวัง สิ่งที่เราต้องเจอแน่ๆ คือ “ปัญหา” ครับ

    สิ่งหนึ่งที่สำคัญในชีวิต คือ มิตรภาพ (กรณีไม่มีญาติพี่น้องที่พึ่งพาอาศัยได้)
    ผมคิดว่าเพื่อนดีๆ อาจจะเป็นคนดูแลเรา หรือไม่ก็เราเองนั่นแหละ ที่อาจจะเป็นฝ่ายดูแลเพื่อน
    มิตรภาพที่ดีๆน่ะ ไม่เคยเริ่มต้นจากความคิดที่ว่า “เธอจะดูแลฉันไปจนแก่รึเปล่า ?” นะครับ
    เป็นเพื่อนกัน ก็ดูแลกันไป ตามประสาคนโสด
    โดยไม่จำเป็นต้องไปเสาะหา”นายสาม” มาให้ใครต้องลำบากใจ

    สำหรับคำตอบเรื่องแก่แล้วใครจะดูแล…
    เคยดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง La Maison de Himiko
    กะเทยชราชื่อ Himiko ใช้ชีวิตช่วงสุดท้าย ในบ้านพักริมทะเลกับผองเพื่อนเกย์ชราอีก 5-6 คน
    ก็ดูแลกันไป สุขๆ ทุกข์ๆ เหงาๆ เศร้าๆ – ช่วยไม่ได้ คนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตายทุกคน
    Himiko โชคดีที่มีแฟนหนุ่ม เป็นคนดูแล ขณะที่เพื่อนชราคนอื่นๆ ก็คงดูแลกันไป

    อีกเรื่อง เป็นบทความ อยู่ในหนังสือ “ไก่ กา พาราไดซ์” เขียนโดย บาร์บี้_2499
    ชื่อตอนว่า “แก่แล้วไปไหน” ลองไปหาอ่านดูครับ

    …. สำหรับตอนนี้ ถ้ายังคิดอะไรไม่ออก ว่า “แก่แล้วใครจะดูแลเรา”
    เราก็ดูแลคุณพ่อ คุณแม่ ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ไปพลางๆก่อน …นะคร้าบ

  11. เห็นคำว่าครอบครัว 3 คนแล้วนึกถึงหนังเรื่อง
    A Home at the End of the World
    แบบว่าคุณพ่อ 2 คนเป็นเกย์ 1 คน ไบ 1 คน ส่วนคุณแม่ก็เป็นผู้หญิงเปรี้ยวๆ อินดี้ๆ ส่วนตอนจบนั้นก็… ไปหาดูละกัน
    เป็นหนังที่เพลงเพราะมากๆ สะท้อนความเปลี่ยวเหงาและโหยหาของตัวละครได้จับใจ

    ตอบกระทู้ที่พี่วิทยาตั้งไว้ในหัวข้อหนังสารคดีของเกย์อิตาเลี่ยนนะครับ
    (กลัวตอบในกระทู้นั้นแล้วไม่มีใครเห็น)
    ที่พี่วิทยาถามว่ามีใครอยากช่วยทำหนังสารคดีมั้้ย
    ขอยกมือด้วยคนนะครับ

    ส่วนคุณ prince ที่เคยถามว่าเรานั่งอยู่ตรงไหนตอนดูหนัง Suddenly, last winter ก็ขออนุญาตระลึกนิดนึงครับ อ่อ… อยู่แถวที่ 2 หลังเครื่องฉาย projector น่ะครับ ดงชาวต่างชาติพอดี
    ขอโทษที่ตอบช้าครับ เพราะว่าเพิ่งกลับไปเปิดอ่านดูแล้วเห็นว่าคุณ prince ถามไว้น่ะครับ หวังว่ายังคงอยากได้คำตอบอยู่นะครับ

  12. ผมก็เคยคิดนะเรื่องแบบนี้ แม้เพิ่งจะเข้าเบญเพส – -*
    แต่ก็ยังไม่ได้จริงจังอะไรมากมายนัก

    ยังคิดอยู่ว่าคงมีแต่เพื่อนเกย์ละมัีง ที่อยู่กับเราได้นาน
    จะแก้จะเฒ่า เพื่อนเราก็แก่ จะป่วยก็คงอาศัยเพื่อนนี่แหละ
    เราก็ดูแลมัน มันก็ดูแลเราอย่าที่คุณ big บอก

    ผมว่ามันก็เป้นไปได้นะครับ

  13. // คำเตือน อ่านแล้วระวังจุกอก ค่ะ

    โครงการ บ้านพักเกย์ชรา (หรือบ้านพักกะเทยชรา)

    หลักการและเหตุผล

    เกย์ แก่แล้วไปไหน (วิทยา แสงอรุณ,2008) เป็นคำถามที่ก่อมรสุมอยู่ในห้วงหัวใจของ ชนกลุ่มน้อย (minority) ในสังคมไทย ที่เรียกตัวเองว่า เกย์ ด้วยเหตุผลที่ว่า

    แก่มาแล้วจะไปไหน หรือจะมีชีวิตอยู่อย่างไร เพราะ ลูกก็ยังไม่มี หลานยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพื่อนที่คบกันมาสมัยยังสาว ก็เป็นเอดส์ชิงตายไปก่อนแก่ก็หลายคน แฟนเด็กหรือน้องสาม ก็หนีหายจากไปเพราะนั่นก็เห็นแก่เงิน หรือไม่ก็

    เพราะแก่แล้ว อะไรที่มันเคยเด้งเคยตึงก็หย่อนคล้อย น้องสามจึงหนีไปหาอะไรที่มัน เด้งๆ และตึงๆ(สาวอิสานรอรัก, 2008นิดๆ)

    ความจริงบ้านพักคนชรามีมานานแล้ว(บางแค) แต่บ้านพักคนที่เป็นเกย์และเป็นคนชราด้วย ยังไม่มีอย่างเป็นทางการ (โครงการเมืองดอกไม้จากนิยายเรื่อง

    ซากดอกไม้ ก็ถูกพับเก็บไปเพราะถูกต่อต้านจากสังคม) เนื่องจากบ้านคนชรา นั่นก็อยู่รวมกันมากมายแบบคนปกติธรรมดา แล้วเกย์ชราผู้มีรสนิยมในการเลือก

    ใช้ชีวิตจะยอมอาศัยอยู่ใน บ้านพักเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐานั้นได้อย่างไร ครั้นจะจัดงาน pool party กรี๊ดกราดกันริมสระน้ำ ก็เกรงใจป้าสมศรี หรือไม่ก็

    ลุงสมพร ที่นอนพะงาบๆ หายใจด้วยสายยางออกซิเจนอยู่บนเตียงในห้องพักรวม สงสารที่สุดก็เป็นยายมี ที่อาจจะต้องมาตกใจ เพราะเกิดมายังไม่เคยเห็น ชายแก่ที่เมื่อวานเห็นเตะบอลอยู่กลางงสนาม วันนี้ดัด

    ขนตา ทาปากสีแดงที่เป็นสีแดงๆแบบเดียวกับ บียอนเซ่ เอาล่ะ นี่จึงเป็นเหตุผลที่จะผลักดัน จาก conceptual model สู่ practical

    model “บ้านพักเกย์ชรา”

    วัตถุประสงค์
    1.สร้างบ้านพักเกย์ชรา ที่อยู่อย่างแก่ อยู่อย่างมีสไตล์ อยู่อย่างเกย์
    2.สร้างเครือข่ายเกย์แก่เพื่อสังคม สู่ มาตราฐานโลก
    3.กระจายเม็ดเงิน เกย์ที่เก็บยัดทะนานไปไว้ธนาคาร เกิดการหมุนเวียนรายได้
    4.ลดปัญหาสังคม พี่ญาติพี่น้องต้องมาดูแล้ว

    ระยะเวลาดำเนินการ
    – ตราบนานเท่านาน เท่าที่ เกย์ กะเทย ยังเป็นตัวตลกในละครหลังข่าว (หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ชั่วกาลปาวสาน) เพราะอย่างไรเสีย เกย์ก็ไม่มีที่ยืนในสังคมอยู่

    แล้ว ที่ๆ สังคมจัดให้ยืนก็เป็นพื้นที่คาวโลกีย์ อ๊ะ..ก็ประเทศไทยนะ ตอแหลสุดๆ ปากก็ประกาศปาวๆ ว่า เรื่อง เกย์ เรื่องตุ๊ด นั่น ประเทศไทยยอมรับได้ พอหนัง

    เรื่องรักแห่งสยามมีผู้ชายหน้าตาดีสองคนเอาปากมาจรด ก็ออกมาด่าสาดเสียเทเสียว่า ถูกหลอกให้ไปดูหนังตุ๊ด …(เอาซี้) ไม่ต้องไม่หาดัชนีชี้วัดการยอมรับ

    เกย์อะไรให้เมื่อย เพราะหลักฐานมันก็ บ่งนัยนะสำคัญออกปานนี้ว่า เกย์และตุ๊ดยอมรับได้ในเมืองไทย เป็นเรื่อง ตอแหล

    เอาล่ะ

    ผลที่คาดว่าจะได้รับ
    – เกิดข่าวเกรียวกราวสักพักในจอทีวี และหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วก็เงียบหายไป เพราะข่าวจะหันไปสนใจข่าวดาราเลิกกัน หรือดาราไปทำคาว ไว้อย่างไร มากกว่าที่จะต้องมารับรู้ว่า เกย์แก่ แล้วไปไหน รัฐบาลเองก็คงไม่สนใจเกย์ หรือพูดในอีกแบบก็คือ รัฐบาลก็คงไม่สนใจใครเลย ไม่ว่า เกย์ ตุ๊ด ทอมดี้ หรือ ประชาชาชนตาดำๆ เพราะสิ่งที่รัฐบาลสนใจคือ ธุรกิจ และพรรคพวกของตัวเอง

    สรุป
    ถุ๊ย … ก็ดิ้นกันไปตราบสิ้นลมหายใจเจ้าค่ะ

    ลงนามผู้เสนอโครงการ
    สาวอิสานรอรัก

  14. คุณ Zoe

    เอ๊ะ งั้น… เราก็นั่งเกือบ ๆ จะใกล้กันนะสิครับ

    เพราะผมนั่งแถว 3 นับจากแถวบนสุด

    (หลัง projector เหมือนกัน)

    จำได้ลาง ๆ ว่าวันนั้น ไปกะเพื่อนอ้วน ๆ คนหนึ่ง

    ถัดไปก็เป็นคุณวิทยามาดูกะแฟน

    แล้วเขยิบไปก็เป็นเพื่อนฝรั่งชาว ireland ที่นัดกันไว้

    ….

    ว่าแต่ว่า หนังหนุกดีเนอะ

    …..

    3 boyfriends คิดว่าเป็นไปได้
    แต่อาจจะมีน้อยนะ ที่คู่รักคิดกันแบบนี้

    เพราะถ้าคิดว่า ทุกคนมีปัญญา แล้ว
    ถึงเราตายไป คู่รักของเราก็น่าจะมีปัญญา
    หาใหม่ได้ … ไม่จำเป็นต้องไปหามาแต่เนิ่น ๆ

    เอ… หรือจะหาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็ไม่น่าจะผิดกติกาอะไร

    เพราะความสัมพันธ์ของมนุษย์จริง ๆ แล้ว

    มันไม่ได้มีกติกาอะไรหรอก

    นอกจากกติกาที่เราตั้งกันขึ้นมาเอง

  15. แก่แล้วก็อยู่ไปอย่างแก่นั่นแหละคับ สังคมที่เราเลือกแล้วจะไม่ทำให้เรารู้สึกแปลกแยกมากนัก
    อยู่คนเดียวก็ไม่แปลก เพราะไม่ว่าจะอยู่เดียวหรืออยู่เป็นคู่ ก็มีวันที่ดีและวันที่เลวร้ายเหมือนกัน
    (ชนิดที่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะสิ้นหวังเอี้ยๆแบบวันนี้ไม๊ว่ะ แต่กูก็ทำอารัยไม่ได้นี่หว่า หลับแล้วลืมแม่งซะ)
    เพียงแต่ต้องอยู่ให้เป็น
    เป็นคู่ก็ต้องแบ่งปันทุกสิ่ง(ของเรา) ดูแลและสื่อสารกัน อยู่เดี่ยวก็ต้องรักและเห็นคุณค่าของตัวเอง จะเหงาก็เหงาอย่างเข้าใจมัน
    เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะแก่โดยไม่มีคู่ โลกมันไม่แน่นอน ไอ้ที่มีก็จากกันไปได้ในพริบตาเดียว แม้มีเหตุผลมาอธิบายแต่เราไม่เข้าใจ
    ฉะนั้นการจะมีนาย2อยู่รึป่าวยังเอาแน่ไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับนาย3

    มาถึงทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม แก่แล้วจะให้ใครมาช่วยดูแล
    1.จ้างบริการดูแลคนแก่-คนป่วยคับ ทำทุกอย่างตั้งแต่การกินถึงขับถ่ายตลอด24ชม. โทรไปแจ้งเปลี่ยนคนได้ถ้าไม่พอใจ จะมีคนมาเปลี่ยนในราว3-4วัน ตกราวเดือนละ13500ขึ้นไป(รวมจ่ายชดเชยวันหยุดแล้ว คือไม่ให้วันหยุดเลย) กรณีที่บ้านไม่ใช่คอนโดอาจต้องมีคนรับใช้เพิ่ม1คน
    2.มีญาติหรือคนสนิทที่ฝากดูแลผลประโยชน์ที่เราไม่สามารถไปดูแลได้ เช่นไปธุระขึ้นรถลงเรือ รวมทั้งกำกับผู้ดูแลคนแก่ในข้อ1นี้ด้วย
    ค่าใช้จ่ายให้ได้คนๆนี้มาคือ ทำความดีและมีเมตตาต่อคนๆนี้ มาเป็นเวลาหนึ่งจนเค้าเกิดความรักและเคารพ อาจรวมทั้งการวางแผนจะแบ่งประโยชน์บางส่วนให้เค้าหลังจากที่เราไม่อยู่แล้ว
    3.มีสังคม คนที่เข้าใจ พูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ อาจแค่โทรศัพท์คุยกันเพราะไป-มาหากันได้ไม่บ่อย เพื่ออย่างน้อยเราจะได้มีหน้าต่างให้เราเฝ้าดูและมีสังคมต่อไป
    ค่าใช้จ่ายให้ได้คนๆนี้มาคือ ทำตัวเป็นกัลยาณมิตรต่อคนอื่นก่อน ทั้งในยามทุกข์และสุข ด้วยความปรารถนาดี

    แต่มีสิ่งที่เราควรตระหนักให้ดี คือ การแก่ชราและเจ็บป่วยมักทำให้เรากลายเป็นคนที่อยู่ด้วยหรือเข้าใจได้ยากขึ้น มักทำให้คนแก่โดดเดี่ยว ขาดทั้งคนในข้อ2และ3ซึ่งเป็นสภาพที่เราทุกคนหวาดกลัว
    แก้ไขได้ด้วยการศึกษาธรรมะเพื่อเข้าใจสิ่งที่ต้องเผชิญรวมถึงมีเมตตาต่อผู้อื่น แต่จะให้ดี ให้ตรงกับปัญหาที่สุดคือ ฝึกฝนดูแลพ่อแม่หรือบุพพการีจะได้ประโชน์หลายด้าน เช่น
    – แก่ตัวเอง ให้เราเข้าใจความชราการเจ็บป่วย เพื่อปฏิบัติตัวถูกต้องเมื่อถึงเวลาของตน และเข้าใจผู้ที่ต้องมาดูแลเรา รวมถึงการป้องกันการเจ็บป่วยนั้น
    – สร้างคุณงามความดีต่อพี่น้องและคนรุ่นต่อไป เพราะการที่เราเป็นเกย์ไม่มีครอบครัวย่อมมีภาระน้อยกว่าพี่น้องที่มีครอบครัว เป็นการทำหน้าที่แทนเค้าต่อพ่อแม่บุพการีได้อย่างเต็มที่มากกว่า อ่อนโยนและเข้าใจมากกว่า แล้วเค้าคงเห็นแก่ความดีงามนี้ ช่วยเหลือเมื่อเราต้องการ เป็นการลงทุนกันคนข้อ2อีกทางหนึ่ง
    – ได้โอกาสทำความเข้าใจบริการดูแลคนแก่ชรา โดยเฉพาะเมื่อเราทำหน้าที่เป็นคนข้อ2ให้คนแก่ที่ใช้บริการนั้น เพราะการหาคนดูแลคนแก่มีความยุ่งยากระดับหนึ่ง เพราะต้องถูกใจทั้งคนแก่และคนในข้อ2จึงจะอยู่กันได้สงบสุข

    แต่ก็อย่างที่บอก โลกนี้ไม่แน่นอน เราอาจเป็นคนทำความดีไม่ขึ้น ไม่มีทั้งคนในข้อ2และ3 แต่สิ่งที่เราพอจะกำหนดได้คือเก็บเงินทองใว้ยามแก่ให้เพียงพอ เราก็สามารถใช้บริการดังกล่าวได้
    ผมเคยเจอคนแก่ที่ไม่มีทั้งคนข้อ2และ3 มีแต่คนรับใช้เก่าแก่อยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ยายที่ป่วยเดินไม่ได้แล้ว ใช้ชีวิตอยู่บนเตียงพร่ำแต่ร้องให้อยากให้วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ส่วนคนใช้นั้นก็รับใช้แกทุกย่างมานับสิบปีที่ป่วย เมื่อถามยายติดตลกว่าจะรีบตายไปไหน แล้วคนใช้นี่เค้าจะไปพึ่งใคร ยายก็ว่าชั้นก็ห่วงมันคนเดียวนี่หละ แต่เท่าที่เห็นทั้ง2คนต่างห่วงกันต่างหาก เวลาที่ยายทานไม่ลงมาหลายมื้อ คนใช้ก็จะฝากคนมาดูแทน แล้ววิ่งขึ้นรถเมล์ไปซื้อของดองร้านที่แกชอบ หรือทิ้งงานบ้านในมือกระวีกระวาดมาปลอบยายที่พยายามจะคลานลงจากเตียงให้ตาย(ตามที่แกว่า) แถมไม่ลืมฉวยเอาอัลบั้มรูปลูกหลานมาหลอกถามให้แก่เล่าเรื่องที่แกมีความสุข แล้วพาแกผ่านเวลาที่แสนเลวร้ายไปได้อีกคราว
    เมื่อถามป้าคนใช้อย่างจริงจังว่าจะไปอยู่ไหนเมื่อยายแกจากไปแล้ว แกก็ตอบตาใสว่า ป้าก็จะกลับไปอยู่บ้านนอก ไปให้หลานๆที่บ้านมันเลี้ยงบ้าง ส่งเงินเลี้ยงมันมาตลอดจนโตกันหมดแล้ว อาจจะไม่สะดวกเหมือนกรุงเทพแต่ก็มีลูกหลานดูแล
    ในงานศพยาย ป้าคนรับใช้ยังคงทำงานชิ้นสุดท้ายแบบไว้ลาย แต่คล้อยหลังไปสักพักผมได้ยินเสียงแกร้องให้โฮจนต้องเข้าไปถาม แล้วก็ได้ความจากลูกชายคนโตเจ้าภาพงานศพยายว่า ป้าแกดีใจที่แม่ผมทิ้งต่างหู แหวนทองและกำไลหยกที่แกใส่ประจำไว้ให้ แกสั่งไว้ระยะหนึ่งแล้ว นี่ก็เอามาบอกแก
    ผมเดินตรงตามป้าที่ไปหลบร้องไห้เช็ดน้ำตาป้อยๆ แล้วบอกว่าป้าน่าจะดีใจนะ จะได้มีทองหยองใส่กะเค้าบ้าง ยายเค้าให้เพราะรักนะเนี่ยะ ป้าแกตอบทั้งยังไม่หยุดร้องว่า โถ…แหวนกะต่างหูเบี้ยวๆนี่นะ ฉันใส่ไม่เป็นหรอก ขายก็คงได้ไม่เท่าไหร่ ฉันอดดีใจไม่ได้น่ะ ว่ายายแกก็ทิ้งของไว้ให้ฉันด้วย เห็นตอนอยู่แกด่าฉันปาวๆ ยังคิดว่าแกอยากตายเพราะฉันรึป่าวเนี่ยะ…

    ผมว่าแกเป็นกัลยณมิตรกันนะ

    ผมไม่คิดจะหาคนมาดูแลตอนแก่หรอก
    ก็เค้าจะมาในแบบไหนก็ไม่รู้ หรือเรามีอยู่แล้วก็ไม่ทราบ…
    และโดยส่วนตัวผมเชื่อในการพึ่งตนเอง และการให้

    โดย สภานายิกาสมาคมกระเทยวัยรุ่นผู้อุปการะบุพการีแก่ชรา อิอิ

  16. และไม่เชื่อการอยู่ด้วยกันเพราะไปไหนไม่รอด หรือกลัวไม่มีใครดูแลตอนแก่ เลยทนอยู่กันไปยังดีกว่าอยู่คนเดียว เว้นซะแต่ว่าจะเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนซี้ปึ๊กกันได้
    “…อยู่คนเดียวอย่างนี้จนตายดีกว่า ดีกว่าที่จะรักคนที่มีใจไม่จริง…” : วิยะดา โกมารกุล ณ นคร

  17. อ้าว สาวอิสานฯ กับ ยัย Cyui ยังไม่แก่เลย จะมาตบตีอวดน้องๆนุ่งๆ กันซะแร้ววววววว
    แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีนะครับ ว่า สองคนนี้คงมีแววว่าจะตบตีกันต่อไปจนแก่เฒ่า … 5 5 5
    ซึ่งผมว่า สนุกกว่า ลึกซึ้งกว่า การที่จะไปมี นายสอง สาม สี่ ห้า หก ฯลฯ อีกนะ

    มีอีกประเด็นที่ลืมเขียน
    กรณ๊ที่ไม่มีตังค์มากพอที่จะไปจ้างใครมาดูแล
    น่าจะไปอาศัยวัดได้นะ
    เลือกวัดต่างจังหวัด ดูโลเคชั่นดีๆ วิวสวยๆ
    อย่างน้อยก็น่าจะเป็นทำเลที่สงบ สำหรับการอ่านหนังสือ
    ถ้าจะให้ดี ไม่ควรห่างจากโรงพยาบาลมากนัก จะได้ไม่ลำบากทั้งต่อตัวเอง และคนอื่น เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย

    คนเราเกิดมาโดยลำพัง เวลาจากไป ก็ไปโดยลำพัง
    ถึงแม้ว่าการแก่ตัวลงตามลำพังก่อนตาย จะฟังดูน่ากลัว
    แต่หากว่าเรามีเวลาได้เตรียมตัว เตรียมใจ … ผมก้คิดว่ามันคงไม่ได้เป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรง

    วันที่ใครคนหนึ่งจากไป ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่า.. ท่อนสุดท้ายในเพลง Bohemian Rhapsody ของ Queen ที่บอกว่า

    Anywhere the wind blows …doesn’t really matter to me ……
    to me ……

  18. ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องใช้ชีวิตในวันนี้เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะอยู่อย่างไงตอนแก่…
    หมายความว่า แก่เมื่อไหร่ มีคนดูแล นั่นคือสิ่งที่เราต้องการในชีวิตเหรอ..

    แล้ว “ตอนนี้” ล่ะ .. เราจะมีความสุขเลยดีมั้ย..?

    ผม คนนึงหละ..ไม่เคยคิดเรื่องตอนแก่ และทรีบอยเฟรนส์..
    บ้า ชัดๆ ถ้าปล่อยให้เวลาที่มันเป็นจริงตอนนี้
    ผ่านไปโดยคิดถึงแต่อนาคตที่ไม่มีอยู่จริง…
    แล้วก้อพร่ำบ่นว่า เมื่อไหร่ จะมีความสุขซักที..แก่แล้วจะเป็นอย่างไง..

    ผมว่า..ตอนนี้แหละครับ.. วินาทีเท่านั้นแหละ ที่มีอยู่จริง..
    วินาทีไม่ใช่เหรอ ที่เราจะเลือกว่า..I AM HAPPY หรือ I AM UNHAPPY
    ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก้อตาม..

  19. ตอนนี้ตั้งใจว่าจะเก็บเงินไว้สี่ล้านโดยที่ไม่แตะเลยจนกว่าจะจำเป็น
    1. ไว้ดูแลตัวเองจนถึงวันสุดท้าย 1 ล้าน ปกติมีบำนาญกิน
    2. ช่วยเหลือลูกหลานตามสมควร 1 ล้าน
    3. ให้เป็นมรดกแฟนหนุ่มที่อยู่ดูแลเรา 1 ล้าน
    4. ฝากไว้เฉยๆ

ใส่ความเห็น